Q&A ไลโอแชมพู
Q : มีปัญหาผมร่วงอยากลองใช้แต่กลัวใช้แล้วเป็นรังแคเพราะปกติใช้ได้แต่สูตรขจัดรังแคจะใช้ได้ไหม ?
A : ใช้ได้ค่ะ สาเหตุของรังแค อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สภาพอากาศ ร่างกาย แชมพูไลโอ เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยลดผมขาดหลุดร่วง ดูแลลึกถึงโคนผม รวมถึงขจัดรังแค กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ส่วนสูตรแชมพูไลโอ มี pH ที่เหมาะสม ช่วยในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค และมี AHA ช่วยในการขจัดเซลล์หนังศีรษะ ที่ตายแล้วอันเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค
Q : ไม่ทราบว่าแชมพูไลโอ มีอายุการใช้กี่ปี ?
A : อายุและการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ 3 ปี
Q : เด็กอายุ 5 ขวบ สามารถใช้แชมพูไลโอได้ไหม จะมีปัญหาอะไรไหม ?
A : เด็กอายุ 5 ขวบใช้ผลิตภัณฑ์ไลโอได้ค่ะ เพียงแต่ ต้องระมัดระวังในการใช้ ไม่ให้ฟองเข้าตาเด็ก ควรระมัดระวังผิวของเด็กค่อนข้างบอบบางและอ่อนโยน หากหลังจากการใช้มีอาการ เช่น คัน หรือผื่นแดง ควรหยุดใช้ทันที และปรึกษาแพทย์
Q : เมื่อหยุดใช้แล้วผมจะกลับมาร่วงไหม ?
A : เมื่อเส้นผมใหม่ขึ้นดีแล้ว สามารถใช้แชมพูอื่นๆ ได้ แต่แนะนำให้ใช้เป็นแชมพูสมุนไพร อย่ากลับไปใช้แชมพูที่ผลิตจากสารเคมี แล้วสังเกตุว่า เมื่อใช้แชมพูยี่ห้อไหนแล้ว เส้นผมเราไม่กลับมาหลุดร่วงอีก ก็ใช้ได้ แต่ถ้าผมกลับมาร่วงอีก ก็แสดงว่าเราไม่เหมาะกับแชมพูยี่ห้อนั้นๆ
Q : ใช้แชมพูอย่างเดียวก่อนได้ไหม ?
A : สามารถใช้แชมพูอย่างเดียวได้ เพื่อควบคุม pH ให้เหมาะสม ในการปรับสภาพผมและหนังศีรษะ แต่เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นแนะควรใช้ควบคู่กันกับครีมนวดผมและแฮร์โทนิค
Q : มี Tester ไหม ?
A : ยังไม่ได้จัดทำ Tester เพราะหากต้องการใช้ให้ได้ผลจริงๆ ควรใช้ต่อเนื่อง เพื่อแก้ผมร่วง ปลูกผมใหม่ แก้ปัญหาเรื่องรังแค ควรใช้ 1 ชุด หากใช้แค่ Tester อาจจะไม่เห็นผลเท่าที่ควร
Q : มีผลข้างเคียงไหม ?
A : ไม่มีผลข้างเคียง (แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิวส่วนบุคคล ) เพราะไลโอผลิตจากว่านหางจระเข้ออร์แกนิค พร้อมทั้งยังได้รับการรับรอง ปลอดภัยกว่าแชมพูที่ผลิตจากสารเคมีทั่วไปตามท้องตลาด
Q : แชมพูไลโอ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมรากผมใหม่ให้แข็งแรง ลดความมันบนหนังศีรษะ
ลดอาการคัน ขจัดรังแค ชะลอผมหงอกก่อนวัย
Q : แชมพู ไม่ค่อยมีฟอง หรือมีฟองน้อยกว่าแชมพูเคมีทั่วไป แล้วจะทำความสะอาดได้อย่างไร ?
A : ในความเป็นจริงแล้ว แชมพูไม่จำเป็นต้องมีฟองมาก ในการทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แชมพูเคมี มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจให้เกิดอาการแพ้ เช่น SLS , olefin sulfonate and cocamidopropyl betaine เพื่อสร้างฟอง แต่สารเคมีเหล่านี้มีฤทธิ์ทำให้หนังศีรษะแห้ง และทำลายสภาพเส้นผมและหนังศีรษะในระยะยาว ในบางกรณีสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ แต่แชมพูของไลโอมีสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นว่านหางจระเข้ออร์แกนิค ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองของหนังศีรษะ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ
Q : แชมพูไม่มีซิลิโคน (silicone) ใช้แล้วจะมีผลดีผลเสียอย่างไร ?
A : สารซิลิโคน (silicone) ช่วยทำให้ผมนุ่มลื่น ดังนั้นในแชมพูจึงมีใส่ซิลิโคน (silicone) เนื่องจากต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกว่าใช้แล้วผมนุ่มลื่น เส้นผมไม่พันกัน ในความเป็นจริงแล้ว ซิลิโคนเป็นเพียงสารเคลือบเส้นผมไว้ให้เรารู้สึกว่าเส้นผมนุ่มลื่นเงางามเท่านั้นเอง แท้จริงแล้วเนื้อของเส้นผมจริงๆไม่ได้รับการบำรุงใดๆ นอกจากนี้ยังมักก่อให้เกิดปัญหาซิลิโคนตกค้างอยู่ที่โคนผม เป็นอันตรายอย่างต่อเนื่องต่อหนังศีรษะสำหรับคนที่เกิดอาการแพ้ แต่แชมพูและครีมนวด LYO ไม่ผสมสารซิลิโคน เพื่อป้องกันปัญหาสารตกค้างและอาการแพ้ที่เกิดจากซิลิโคน เพราะแชมพูและครีมนวด LYO ประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
Q : สาร SLS คืออะไร ?
A : SLS (Sodium Lauryl Sulfate) สารทำฟองที่พบมากในแชมพูและครีมอาบน้ำ ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่เยื่อบุตา และผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งกร้าน แพ้ง่าย ก่อให้เกิดสิว และผดผื่นคันได้ เมื่อสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้ผมร่วงได้
ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ได้ใช้สารตัวนี้ รับรองว่าปลอดภัย
Q : ซิลิโคน คืออะไร ?
A : Silicone สารเคมีสังเคราะห์คล้ายพลาสติกเหลวใส ช่วยเคลือบให้เกิดความเงาโดยไม่ได้บำรุง ล้างออกยาก สะสมบนร่างกาย ปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรกสะสมจนเกิดสิวได้ง่าย
ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ได้ใช้สารตัวนี้ รับรองว่าปลอดภัย
Q : พาราเบน คืออะไร ?
A : Paraben สารกันเสียที่พบมากในแชมพู ครีมนวด โลชั่น เคยมีการตรวจพบสารนี้ในเซลล์มะเร็ง ปัจจุบันในโซนยุโรปประกาศห้ามใช้แล้ว
ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ได้ใช้สารตัวนี้ รับรองว่าปลอดภัย
Q : วิธีการใช้สินค้า ไลโอแชมพู ใช้อย่างไร ?
ชโลมแชมพูครั้งละ 5-8 ซีซี หรือเทียบเท่าเหรียญ 5 บาทลงบนผมเปียก นวดเบาๆ ให้ทั่วหนังศีรษะและเส้นผม แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
Q : แชมพู มีส่วนประกอบใดบ้าง ?
ว่านหางจระเข้ออร์แกนิค ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเส้นผมและหนังศีรษะ ขจัดรังแค ลดการแพ้การระคายเคืองของหนังศีรษะ
ทีทรีออยล์ ลดความมัน รังแค อาการคันและลดการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรียบนหนังศีรษะ
เอเอชเอ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศีรษะให้หลุดออกไป ทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรวิตามิน บี5 ช่วยเป็นเกราะให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
วิตามินอี ให้ความชุ่มชื้นบนเส้นผมจากการถูกทำลาย
Q&A ไลโอครีมนวดผม
Q : ทำไมเราถึงต้องใช้ ครีมนวดผม เวลาที่สระผม ?
A : เมื่อเราใช้ครีมนวดผมอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งหลังสระผม เส้นผมของเราจะได้รับการบำรุงและฟื้นฟูให้ชุ่มชื้น คืนความนุ่มลื่นน่าสัมผัส พร้อมกับปกป้องเส้นผมไม่ให้ถูกทำลายจากสารเคมี แสงแดด มลภาวะภายนอก รวมทั้งความร้อนที่ใช้จัดแต่งทรงผม
Q : ครีมนวด มีสารใดเป็นองค์ประกอบบ้าง ?
A : สารให้ความชุ่มชื้น สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่เส้นผม เพื่อให้ผมดูสลวยมีชีวิตชีวา
สารประจุบวก ช่วยลดประจุลบจากการใช้แชมพูสระผม ลดการเกิดไฟฟ้าสถิตของเส้นผม
กรดอ่อน เพื่อไม่ให้เคราตินในเส้นผมเกิดการพองตัวและเปราะง่าย
Q : ครีมนวดผม LYO ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
A : บำรุงและฟื้นฟูผมแห้งเสียแตกปลาย เส้นผมนุ่มสลวยจัดทรงง่าย ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมรากผมใหม่ให้แข็งแรง
Q : จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผมทุกครั้งที่สระผมไหม ?
A : เราควรใช้ครีมนวดผมทุกครั้งที่สระผม เพราะแชมพูจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกก่อน แต่จะทิ้งสารประจุลบและความเป็นด่างไว้ การบำรุงต่อด้วยครีมนวด หรือ ครีมหมักผม จะเข้ามาช่วยปรับให้สภาพเส้นผมมีประจุไฟฟ้าเป็นกลาง และทำให้ผมมีน้ำหนัก นุ่มลื่น ไม่ชี้ฟู และจัดทรงง่าย
การใช้แชมพูสระผมเพียงอย่างเดียวนั้น อาจทำให้ไขมันที่เคลือบปกป้องความชุ่มชื้นของเส้นผม และประจุบวกตามธรรมชาติถูกชะล้างออกไปด้วย และส่งผลทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ผมแห้ง ชี้ฟู และจัดทรงยากในที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีผมที่สั้น หรือ ยาว หลังสระผมทุกครั้งก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำสม่ำเสมอ
Q : ครีมนวดผมใช้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ?
A : ไม่ควรหมักครีมนวดผมทิ้งไว้แค่แป๊ปเดียว เพราะการใช้ครีมนวดผมไม่ใช่แค่การชโลมครีมลงไปบนศีรษะและชำระล้างออกเหมือนกับแชมพู ที่ถูกคือเราควรหมักทิ้งไว้เพียง 2 – 3 นาที เพื่อให้วิตามินจากครีมนวดผมซึมลงไปในเส้นผม
ครีมนวดผมไม่จำเป็นต้องใช้หลังสระผมเท่านั้น หากเราชโลมครีมนวดผมหลังผมเปียกก่อนที่จะใช้แชมพูสระผม หมักไว้ 2 – 3 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยการฟอกแชมพูและตามด้วยน้ำสะอาด ช่วยให้ผมมีวอลลุ่ม เบาสบาย สำหรับคนที่มีผมมัน
ห้ามชโลมครีมนวดผมที่โคนผม เราควรใช้ครีมนวดผมชโลมแค่เพียงกลางเส้นผมลูบไปจนถึงปลายผมเท่านั้น เนื่องจากครีมนวดผมมีส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้มข้นสูง อาจจะทำให้อุดตันที่รากผมแล้วทำให้เส้นผมอ่อนแอ ขาดและหลุดร่วงได้ง่าย
Q : วิธีการใช้สินค้า ไลโอ ครีมนวดผม ใช้อย่างไร ?
A : หลังสระผม ชโลมเนื้อครีมนวดผมลงบนเส้นผมทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด
Q : เราควรใช้ครีมนวดผม ในปริมาณไหน ?
A : เริ่มต้นที่ขนาดประมาณเหรียญ 1 บาทสำหรับผมยาวประมาณคางหรือสั้นกว่า หากผมของคุณยาวมาก ก็อาจจะต้องใช้ครีมนวดผมในปริมาณที่มากขึ้น
Q : เราควรหมักครีมนวดผมตั้งแต่โคนผมจรดปลายผมไหม ?
A : ไม่ควร เพราะว่า เราควรชโลมตั้งแต่ตรงกลางผมลงไปถึงปลายผม โดยควรเน้นการใส่ครีมหมักผม หรือ ครีมนวดผมขึ้นมาจากปลายผมประมาณ 15 เซนติเมตร และใช้ปลายนิ้วลูบไล้ครีมนวดผมให้ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้ 2-3 นาที จากนั้นจึงทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น เพราะน้ำเย็นจะช่วยปิดเกล็ดผมและเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ภายใน
สิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือ การชโลมครีมนวดผมลงบนหนังศีรษะ เพราะจะทำให้หนังศีรษะมันจนเกินไป ทั้งยังทำให้สิ่งสกปรกไปอุดตันที่รูขุมขน เพราะครีมนวดนั้นถูกออกแบบมาให้บำรุงเฉพาะเส้นผมเท่านั้น
Q : ครีมนวดผม มีส่วนประกอบใดบ้าง ?
A : ว่านหางจระเข้ออร์แกนิค ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเส้นผมและหนังศีรษะ ขจัดรังแค ลดการแพ้การระคายเคืองของหนังศีรษะ
ทีทรีออยล์ ลดความมัน รังแค อาการคันและลดการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรียบนหนังศีรษะ
เอเอชเอ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศีรษะให้หลุดออกไป ทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรวิตามิน บี5 ช่วยเป็นเกราะให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
วิตามินอี ให้ความชุ่มชื้นบนเส้นผมจากการถูกทำลาย
Q&A ไลโอแฮร์โทนิค
Q : แฮร์โทนิค คืออะไร ใช่แชมพูหรือเปล่า ?
A : ไม่ใช่แชมพู แฮร์โทนิคเป็นสารอาหารบำรุงเส้นผม รากผมและหนังศีรษะ
Q : วิธีการใช้สินค้า ไลโอ แฮร์โทนิค
A : หลังการสระผมและบำรุงผมด้วยครีมนวดผม ให้เป่าผมจนแห้งสนิท จากนั้นฉีดแฮร์โทนิคลงบนศีรษะแล้วใช้ปลายนิ้วนวดแฮร์โทนิคให้ทั่วหนังศีรษะ โดยไม่ต้องล้างออก
Q : ต้องสระผมก่อนใช้ หรือเมื่อใช้แฮร์โทนิคแล้วต้องล้างออกหรือไม่ ?
A : ไม่ต้องสระผมก่อนสามารถใช้ได้เลย เมื่อใช้แล้วไม่ต้องล้างออก หรืออาจใช้หลังจากสระผมก็ได้เช่นเดียวกัน
Q : ผมร่วงไปนานแล้วศีรษะล้านมาก หรือหัวเถิกสูงจะใช้ได้ผลไหม ?
A : ใช้ได้ผล แต่ต้องเพิ่มการใช้มากกว่าคนปกติ อย่างน้อยวันละ 4-5 ครั้ง แฮร์โทนิคเป็นสารอาหารเส้นผม จะช่วยกระตุ้นหนังศีรษะบริเวณที่เคยมีเส้นผมให้กลับมามีเส้นผมอ่อนๆขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นควรใช้อย่างต่อเนื่องจนกว่าเส้นผมที่ขึ้นใหม่จะแข็งแรงเหมือนเส้นผมปกติ จึงลดการใช้เหลือวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Q : มีปัญหาผมร่วงผิดปกติใช้แล้วผมจะร่วงมากกว่าเดิมหรือเปล่า ?
A : แฮร์โทนิคไม่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายเพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
Q : สำหรับคนที่มีอาการแพ้ง่าย สามารถใช้ได้หรือไม่ ?
A : สำหรับคนแพ้ง่ายหากไม่แน่ใจให้ทดสอบก่อนโดยการฉีดใส่ตามข้อพับ หรือใต้ท้องแขน และสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากแพ้จะมีอาการแสบร้อน
Q : ถ้าผมบาง ศีรษะล้านเป็นจุดๆ ให้ใช้เฉพาะจุดหรือใช้ทั่วทั้งศีรษะ ?
A : แนะนำให้ใช้ทั่วทั้งศีรษะจะดีกว่า แล้วตรงที่ล้านมากๆก็ไม่จำเป็นต้องใส่มากๆในครั้งเดียว แต่ให้ใส่บ่อยๆและใส่เป็นประจำแทน
Q : ทำไมเวลาใช้ต้องนวดหนังศีรษะด้วย ?
A : การนวดหนังศีรษะเบาๆ จะทำให้แฮร์โทนิค ซึมลงสู่รากผมได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รากผมแข็งแรง ถ้ารากผมดีก็จะทำให้ผมเจริญเติบโตดี และการนวดเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะด้วย
Q : ถ้าผมขึ้นหนาแล้ว หยุดใช้แฮร์โทนิค ได้หรือไม่ ?
A : เมื่อผมคุณเป็นปกติแล้ว สามารถหยุดใช้ได้ แต่ขอแนะนำให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ โดยให้ลดปริมาณหรือความถี่ในการใช้แทน เพราะเราควรบำรุงรากผมและเส้นผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ
Q : ทำไมต้องใช้แฮร์โทนิควันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
A : เพื่อให้รากผมได้สารอาหารเพียงพอ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมในแต่ละวัน และต้องกระตุ้นเป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ
Q : ผมที่เกิดขึ้นมาใหม่แล้วจะร่วงหรือไม่ ?
A : ปกติแล้ว เส้นผมคนเราจะมีการผลัดเปลี่ยนเป็นประจำ มีบางท่านใช้ไปผมอาจจะร่วง ซึ่งเป็นการร่วงปกติของการผลัดเปลี่ยนผม แต่ผมที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์จะไม่หลุดร่วงง่าย เนื่องจากผมที่เกิดขึ้นใหม่จะแข็งแรงขึ้น เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะเป็นเส้นอ่อนๆ แต่ใช้ไปเรื่อยๆ ผมจะเป็นเส้นขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น
Q : ต้องใช้นานแค่ไหนจึงจะเห็นผล ?
A : จากประสบการณ์ผู้ใช้ บางท่านเริ่มเห็นผมเส้นเล็กๆ ขึ้นใน สัปดาห์ที่ 3 บางท่านก็ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะสังเกตได้คือหนังศีรษะจะไม่มัน สะอาดขึ้น ผมจะนิ่มขึ้น ต้องสังเกตอาการของแต่ละคนเอง ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ จึงไม่มีอันตราย
Q : ถ้าเป็นคนที่มีผมหนาอยู่แล้ว จะใช้ แฮร์โทนิคได้หรือไม่ ?
A : คนที่ผมหนาอยู่แล้วก็ใช้ได้ โดยใช้เป็นอาหารบำรุงรากผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ ในอนาคตผมจะได้ไม่ร่วง
Q : เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน แล้วหยุดใช้ จะทำให้ผมร่วงหรือไม่ ?
A : แฮร์โทนิค จะไม่ทำให้ผมของคุณร่วง การร่วงของผมจะเป็นไปตามธรรมชาติ
Q : หากเห็นผมขึ้นมาเป็นเส้นขนอ่อนๆแล้ว อยากให้ผมยาวเร็วขึ้นควรทำอย่างไร ?
A : ให้เพิ่มความถี่ในการใช้ แฮร์โทนิคให้มากขึ้น เช่น เคยใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น อาจเปลี่ยนเป็นใช้วันละ 4-5 ครั้ง จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น
Q : แฮร์โทนิค มีส่วนประกอบใดบ้าง ?
A : ต้นอ่อนถั่วลันเตา กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมจากต้นเหตุ ลดการขาดหลุดร่วงและสร้างรากผมใหม่ให้แข็งแรง
ใบมัลเบอร์รี่ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม บำรุงเส้นผมให้นุ่มดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย
โปรวิตามิน บี5 ช่วยเป็นเกราะให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
วิตามินอี ให้ความชุ่มชื้นบนเส้นผมและหนังศีรษะพร้อมปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลาย
โสม เร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม ช่วยขจัดสารพิษบนหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยแก้ปัญหารังแค และอาการคันหนังศีรษะ
อัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มสลวย ดกดำ เงางามอย่างเป็นธรรมชาติ
ว่านหางจระเข้ออร์แกนิค ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเส้นผมและหนังศีรษะ ขจัดรังแค ลดการแพ้ การระคายเคืองของหนังศีรษะและกระตุ้นเซลล์รากผมให้ผมงอกใหม่เร็วขึ้น
Q : ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ไหม ?
A : ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรสามารถใช้ได้ภายใต้การดูแลและคำปรึกษาจากแพทย์
ไม่มีข้อมูลถามตอบ